วันอังคารที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2557

JBL J33

In-Ear สายแบนแข็งแรงทนทานจาก JBL


JBL J33 มี 3 รุ่นย่อย คือ J33, J33i (สำหรับ i device มีปุ่มรับสาย-เพิ่มลดเสียง), J33a (สำหรับ andriod device มีปุ่มรับสายอย่างเดียว)
ซึ่งรุ่นที่ผมนำมารีวิวครั้งนี้เป็นรุ่น J33 แบบปกติครับ


JBL J33 หูฟังแบบสอดหู (in-ear) ที่มีจุดเด่นตรงสายค่อนข้างใหญ่ แข็งแรงทนทาน จุดที่สายออกมาจากตัวหูฟัง มีที่คล้องสายทำจากโลหะ
ช่วยลดแรงดึงเมื่อเกิดอุบัติเหตุสายถูกกระชาก สายจึงไม่ขาดง่ายๆ อีกทั้งเป็นสายแบนซึ่งเวลาเก็บจะพันกันยาก
เพราะตัวสายมีความยาวที่ถือว่าค่อนข้างยาวเลย ถ้าใช้กับอุปกรณ์พกพาอาจต้องหาที่ม้วนสายสักหน่อย แต่ถ้าใช้กับคอมพิวเตอร์ก็กำลังดีครับ

 

เสียงที่ออกมาจาก J33 กระทบแก้วหู แปลงเป็นคลื่นผ่านโสตประสาทมายังสมองของผมนั้น ต่างจากที่เคยดูเคยฟังเคยอ่านรีวิวมาเลยล่ะครับ
เพราะผมต่อตรงกับโน๊ตบุ๊ค Dell Latitude E6230 (มีอยู่เครื่องเดียวนี่แหละ) ขับง่ายมากครับ
ใช้จุกยางขนาดกลาง เสียงที่ได้ยินนี่เบสกระหึ่ม อาจบังเสียงย่านอื่นนิดๆ ซึ่งแล้วแต่เพลงและการบันทึกเสียงของเพลงนั้นๆ
อิมแพคแรงพอควร โดยเฉพาะกระเดื่องกลอง เหยียบทีนี่ปึ่กๆๆ
เสียงร้องเด่น เสียงแหลมขึ้นนิดๆแต่ไม่บาดหู เวทีเสียงกว้างพอประมาณสำหรับหูฟังแบบ in-ear

ตัวอย่างเพลงที่ฟังตอนเขียนรีวิว (Flac , RIP from CD)
Scars - X Japan
ลมหนาว - Tea for Three
ใจให้ไป - โอ้ เสกสรรค์ ปานประทีป
Love nerver felt so good - Michael Jackson
หลอน - Black Head
เพียง - Lallaby


ข้อสังเกตุคือ จุกยางที่ให้มามี 3 ขนาด แต่ไม่เหมาะกับรูหูผมเลยสักขนาด
ไซส์เล็กก็เล็กเกินไป ใส่แล้วหลวมหลุดง่ายๆเลย, ไซส์กลางก็แน่นเกินไปใส่นานๆกับเวลาถอดออกแล้วปวดหู, ไซส์ใหญ่คงใส่ไม่ได้แน่
มีจุกโฟมให้ด้วย 1 คู่ แต่ขนาดก็ใหญ่เกินรูหูผมซะอีก (ลองตอนแรกที่ได้มา พยายามใส่อยู่พอควร เสียงที่ได้ยินนั้นเบสน้อยกว่าจุกยางแฮะ)
หรือรูหูผมไม่ได้มาตรฐานหว่า?

สิ่งที่อยู่ในกล่อง
ตัวหูฟัง, จุกยาง 3 ขนาด, จุกโฟม 1 คู่, ตลับใส่หูฟังแบบด้านนึงเป็นผ้าตาข่าย, คู่มือมากมาย

รูปประกอบ ถ่ายเองกับหาจาก Google

วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2557

Audio Technica ATH-TAD500

Full-Size Headphones แบบ Air Dynamic ที่ครอบมิดทั้งใบหู


ATH-TAD500 เป็นหูฟังแบบเปิด คือด้านหลังของตัว Driver มีช่องให้อากาศไหลผ่านได้
ทำให้เสียงที่ออกมาไม่ทึบไม่อุดอู้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยเสียงเพลงที่ฟังอาจออกไปรบกวนผู้อื่น และเสียงรอบข้างก็เข้ามาให้เราได้ยิน


ตัวหูฟังทำจากพลาสติกคุณภาพดี ก้านที่คาดศีรษะหุ้มด้วยหนังเทียมและบุในส่วนที่ติดกับศีรษะเราด้วยฟองน้ำอย่างดี
โครงด้านบนสำหรับแขวนหูฟังเป็นยางทำให้ไม่เกิดเสียงหรือเป็นรอยเมื่อแขวนเก็บ (ด้านในคาดว่าเป็นโลหะ)
Ear-Cups เป็นฟองน้ำที่นุ่มมาก ใส่ได้ทั้งวันโดยไม่ปวดหูหรือบีบศีรษะเลย



สายเป็นยางขนาดค่อนข้างใหญ่ และยาวถึง 3 เมตร ทำให้ไม่ค่อยสะดวกหากใช้เป็นชุดพกพา
แต่ถ้าฟังในที่พักอาศัยหรือที่ทำงานก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ตัวแจ๊คเป็นแบบตรงเคลือบทองขนาด 3.5 มม.



เรื่องเสียงกันบ้าง ที่ผมได้ลองเป็นตัวมือสอง ดังนั้นเสียงที่ได้ยินเมื่อออกจากกล่องสดๆนั้นจึงมิอาจทราบได้ ต้องขออภัยด้วยครับ
เวทีเสียงกว้างพอควร ฟังแล้วไม่อึดอัด (แต่สำหรับคอออดิโอฟิลล์ ที่ต้องการเวทีกว้างปานสนามกีฬาแห่งชาติคงไม่ใช่ตัวนี้้)
เสียงต่างๆชัดเจน เก็บรายละเอียดยิบๆย่อยๆได้ดี เสียงร้องเสียงกลางเด่นสุด
เบสมีมากพอสมควรสำหรับหูฟังแบบเปิดและเก็บตัวเร็ว ฟัง Pop เพราะมาก หรือจะเป็น Pop-Dance อย่างเพลงของไมเคิล แจ็คสัน นี่เข้ากันมาก
ร็อคก็ฟังได้ แต่ถ้าออกแนวโหดๆอย่าง Slipknot อันนี้ยังไม่ไหวครับ

สิ่งที่อยู่ในกล่อง
ตัวหูฟัง, หัวแจ๊คแปลงขนาด 3.5 - 6.3 มม., คู่มือ



รูปประกอบและรีวิวอื่นๆจาก
http://www.head-fi.org/t/624612/audio-technica-ath-tad500-review-and-comparisons
http://linustechtips.com/main/topic/43945-review-audio-technica-ath-tad500/

วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Creative WP-250

Bluetooth headset สำหรับผู้ชื่นชอบในการออกกำลังกายและรักในเสียงเพลง


หูฟังแบบสอดหูไร้สาย ที่ใช้การเชื่อมต่อแบบ Bluetooth นอกจากฟังเพลงแล้ว
ยังเป็น Small talk สำหรับคุยโทรศัพท์ได้ด้วย


ทางเว็บไซต์ Creative ให้ข้อมูลว่าใช้เวลาชาร์จแบตฯเพียง 2 ชั่วโมง แต่ใช้งานได้ถึง 8 ชั่วโมง
อีกทั้งมีน้ำหนักเบาเพียง 32 กรัม ใช้  Driver แบบ Neodymium magnet ขนาด 13.5 มม.
ทำให้เหมาะกับการใช้งานทั่วๆไป หรือจะนำไปใช้ขณะออกกำลังกาย (ที่ไม่ใช่ว่ายน้ำ) ได้อย่างสบายบรื๋อ


ผมได้รับต่อมาจากท่านผู้ใจดีท่านหนึ่ง (เรียกง่ายๆว่าซื้อมือสองมาน่ะแหละ)
จากการใช้งานจริง พบว่าการสนทนาทำได้ดีทีเดียว ได้ยินเสียงอีกฝ่ายชัดเจน และคู่สนทนาก็ได้ยินเสียงเราชัดเจนเช่นกัน
ส่วนเรื่องการฟังเพลงนั้น ผมให้ความเห็นว่าธรรมดามาก เวทีเสียงปานกลาง ไม่มีเสียงใดเด่น เบสมีแต่ไม่เคลียร์ใส (เหมือนข้ามเขตย่านเสียงอื่นพอควร แต่ไม่ได้บวมเป่ง)
ที่สำคัญ ใส่ยากมาก ถ้าดูจากวิธีการสวมใส่ในเว็บไซต์ซึ่งบอกว่าให้ใส่เข้ารูหูก่อนแล้วบิดไปด้านหลังให้แน่น
พอทำจริงๆรู้สึกเหมือนรูหูโดน อีกทั้งการออกแบบของส่วนที่ติดกับจุกหูฟังเป็นพลาสติกแข็ง ทำให้กดช่องหู ใส่ได้แป๊บเดียวก็ปวดช่องหูครับ
สารภาพว่าทนใส่ไปออกกำลังกายได้แค่ 2 ครั้ง แล้วก็ขายต่อ แต่สำหรับบางท่านอาจจะสวมใส่สบายก็ได้นะครับ

 

สิ่งที่อยู่ในกล่อง
ตัวหูฟัง, สายชาร์จ, จุกหูฟัง 3 คู่ (3 ขนาด), คู่มือบางๆ

เว็บไซต์ต่างประเทศ ที่มีวิธีสวมใส่ : http://sg.creative.com/p/headphones-headsets/wp-250
รูปประกอบหาจาก Google ครับ

วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

(นอกเรื่อง) ขอระบายเกี่ยวกับการข่มเหงย่ำยีผู้อื่น

ช่วงนี้มีข่าวเกี่ยวกับผู้เคราะห์ร้าย ถูกรังแกข่มเหงทั้งจิตใจและร่างกาย เกิดขึ้นเรื่อยๆ
บางรายถูกฆ่า บางรายกลายเป็นคนจิตไม่ปกติ เนื่องจากถูกกระทำย่ำยี

คนที่เป็นฝ่ายกระทำ หลายรายอยู่รอดลอยนวลใช้ชีวิตตามปกติ
หลายรายถูกจับได้ แต่ไม่ช้าก็ถูกปล่อยตัวเนื่องจากกฎหมายไทยไม่รุนแรงนัก
อีกทั้งมีพวกเรียกร้องสิทธิมนุษยชนให้กับฆาตรกร
ทั้งๆที่เหยื่อทุกราย ก็มีสิทธิในการใช้ชีวิตอย่างปกติสุขเช่นกัน

แต่ฆาตรกร ฆ่า ข่มขืน มีสิทธิอันใดที่จะข่มเหงรังแกผู้อื่น
ในเมื่อมันไม่มีสิทธิอันใดที่จะทำเช่นนั้น มันก็ไม่ควรได้รับสิทธิมนุษยชนเช่นกัน
เมื่อไม่เคารพสิทธิผู้อื่น ย่อมไม่ควรได้รับสิทธินั้น

ผมจึงเขียนเนื้อเพลง(?) ออกมาเพื่อระบายความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องนี้ขึ้นมา
แต่เนื่องจากเล่นกีต้าร์ไม่เป็น จึงมีแต่เนื้อร้องอย่างเดียว
โดยได้ไอเดียจากเพื่อนคนนึงที่โพสในเฟสบุ๊ค โดยนำมาเป็นท่อนฮุคในเพลงนี้นั่นเอง


วันพุธที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2557

beyerdynamic )))) DT 231 PRO

Headphones Full-Size แบบ On-Ear รุ่นเล็กจากเยอรมัน



น้ำหนักเพียง 130กรัม สวมใส่สบายมาก ไม่บีบหัวกัดหูให้ทรมาน
เป็นหูฟังแบบปิด ที่เสียงไม่ออกไปรบกวนผู้อื่น แต่การกั้นเสียงรบกวนจากภายนอกทำได้แค่พอประมาณเท่านั้น
Ear-cups เป็นผ้ากำมะหยี่ ดังนั้นต้องเก็บรักษาให้ดีเพราะจะเก็บกักฝุ่นได้ง่าย
ตัวสายเป็นยางที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และยาวมาก จึงไม่ค่อยสะดวกที่จะใช้พกพาไปฟังนอกสถานที่เท่าไรนัก
  
 


ช่วงก่อนเบิร์น เวทีเสียงปานกลางกำลังพอดีๆกับเพลงทั่วๆไป เสียงร้องและเสียงเบสมาชัดเจน
อิมแพ็คคุณภาพดีและแรงพอควร เหมือนกระเดื่องฟาดหนังกลองและดันอากาศมากระแทกเยื่อแก้วหูเลยทีเดียว
แต่เสียงสูงยังไม่เท่าไร ยิ่งถ้าเพลงไหนมีเสียงเครื่องดนตรีเยอะๆ โทนกลางแหลมเยอะๆเน้นๆ จะมีเสียงเปรี๊ยะๆ ซึ่งต้องให้ผ่านการเบิร์นไปก่อนจึงจะหายไป

 

เผาเครื่อง เบิร์นเสร็จแล้ว
ด้วยไฟล์ Flac เป็นหลัก ผสมกับไฟล์ AAC 400 kpbs บ้างในบางช่วง ผลที่ได้คือ
เด่นสุดคือเสียงกลอง ไม่ว่าจะตีลูกไหนหรือฉาบ-ไฮแฮทใบใด ก็ได้ยินเสียงชัดเจน รวมไปถึงกระเดื่องที่แน่นอิมแพคชัดไม่ขัดสนอย่างแน่นอน
เบสลดลง คือไม่ไปเบียดเบียนเสียงย่านอื่น อยู่ในอาณาบริเวณของตนเองแล้ว แต่ความแน่นและความชัดยังคงอยู่
เสียงร้องชัดขึ้นกว่าเดิม แบบว่ามายืนอยู่หน้านักดนตรีประมาณครึ่งก้าว
เสียงสูงหรือโทนกลางแหลมดีขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ไม่ใช่จุดเด่นของ Beyerdynamic DT231 PRO ถ้าจะฟังเสียงลีดกีต้าร์แบบสะเด่าทรวง หรือเสียงร้องโหยหวนแหลมสูงแบบแก้วหูโดนบาด อันนี้ไม่มีให้รับฟังนะครับ
เสียงเปรี๊ยะๆหายไปแล้ว แต่ถ้าฟังเพลงที่มีเครื่องดนตรีเยอะๆ จะคลุมเครือไม่ชัดเจน เสียงเล็กๆน้อยๆที่แอบแฝงอยู่อาจไม่ได้ยิน

โดยรวมคือ เหมาะกับฟังเพลงทั่วๆไป ได้หลากหลายแนว โดยส่วนตัวคิดว่าเหมาะกับพวก Pop-Rock, Alternative มากที่สุด
แต่ใครจะนำไปใช้ฟังเพลงแนวอื่นก็ไม่ผิดแต่อย่างใดขอรับ



สิ่งที่อยู่ในกล่อง
ตัวหูฟังกับสายที่ย้าวยาว, หัวแจ๊คแปลงเป็นขนาด 6.35มม.

เว็บไซต์หลัก : http://europe.beyerdynamic.com/shop/dt-231-pro.html
ภาพจากเว็บไซต์หลัก และถ่ายเอง
ขอบคุณร้านหมีสีส้ม ที่ใจดีมอบหูฟังดีๆมาให้ใช้งานครับ

วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2557

HiFiMAN HM-101

Portable USB Sound Card
ขนาดเล็กจิ๋ว แต่คุณภาพไม่จิ๋วตามขนาด USB DAC รุ่นเล็กจาก HiFiMAN ที่ใช้ชิพเสียง Burr Brown
เรียกง่ายๆ ว่าเป็น External Sound Card สำหรับคอมพิวเตอร์ ที่สะดวกในการจัดเก็บหรือพกไปใช้กับโน๊ตบุ้คเพราะมีขนาดเล็ก แต่ให้คุณภาพเสียงที่ต้องตะลึง ด้วยราคาไม่ถึง 1,500 บาทไทย!!!

 
HiFiMAN HM-101
DAC (Digital to Analog Converter) ที่ใช้สาย USB เสียบต่อกับคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ้ค แล้วต่ออีกด้านกับหูฟังได้เลย (ไม่ใช่แบบใช้กับเครื่องเล่นพกพานะครับ เพราะมันไม่มีแบตเตอร์รี่)
โดยฝั่ง out put จะมีสองช่อง คือช่องหูฟัง กับ ช่อง DAC Line Out ซึ่งมีขนาด 3.5 มม.ทั้งคู่


ท่านจะได้สัมผัสกับน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป เวทีเสียงกว้างขึ้น เสียงของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นแยกออกจากกันชัดเจนมากขึ้น
เสียงไม่ซ้อนทับกันเป็นก้อนๆ ทำให้ฟังเพลงได้ไพเราะขึ้นอย่างที่หูถั่วอย่างผมก็รู้ถึงความแตกต่าง
เบสไม่บวมทับย่านเสียงอื่น เสียงกลางชัดเจน เสียงแหลมโอเค ไม่ได้ถึงขั้นออดิโอฟิลล์ 24k แผ่นทองเคลือบแพลตตินั่ม
แต่เป็นสไตล์ฟังสนุกแบบมีคุณภาพนั่นเอง

คู่หูปัจจุบันที่ผมใช้อยู่ HiFiMAN HM-101 & Motörheadphönes Motörizer



สิ่งที่อยู่ในกล่อง
HiFiMAN HM-101, สาย USB, คู่มือฉบับเล็กๆ

เว็บไซต์หลัก : http://hifiman.com/Products/?pid=113
Burr Brown คืออะไร? : http://www.carsoundclub.com/webboard_ans.php?id=1379
รีวิวแบบละเอียดยิบจากเฮียมั่นคง : http://www.forum.munkonggadget.com/detail.php?id=63632
ภาพประกอบจาก Google และถ่ายเอง

วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

Motörheadphönes : Motörizer

หูฟังรุ่นใหญ่สุด (ณ ขณะนี้) แบบครอบใบหูและเก็บเสียงมิดชิด ที่มีการออกแบบเรื่องเสียง
จากร็อครุ่นเก๋าจากเกาะอังกฤษนาม Motörhead




Motörheadphönes : Motörizer

แม้จะเป็นหูฟังแบบ Full-size ที่ครอบใบหู แต่ก็มีขนาดที่ไม่ใหญ่มาก ทำให้คนที่ใบหูใหญ่อาจครอบได้ไม่หมด
ด้านหลังหูฟังเป็นแบบปิด ที่กันไม่ให้เสียงออกไปรบกวนผู้อื่น และก็กันไม่ให้เสียงภายนอกเข้ามารบกวนสุนทรีย์ของเราได้

ตัวหูฟังทำจากพลาสติก มีโครงเป็นโลหะ ก้านที่คาดศีรษะเป็นพลาสติกกับยางที่สามารถปรับระดับให้อัตโนมัติเมื่อสวมใส่
Ear-cups เป็นผ้ากำมะหยี่ ซึ่งต้องดูแลให้ดีเพราะว่ามีฝุ่นติดง่ายมาก



ตัวสายสามารถถอดได้ แต่จะไม่เหมือนแบรนด์อื่นเพราะว่า ด้านที่ติดตกับตัวหูฟังเป็นแจ๊คตัวผู้
ดังนั้นสายที่จะนำมาใช้งานก็ต้องเป็นด้านแจ๊คตัวเมียครับ ซึ่งในกล่องจะมีสายมาให้ 2 แบบ คือ
สายแบบสั้นที่ใช้กับสมาร์ทโฟน เพราะว่ามีไมค์และคอนโทรลทอร์คมาให้ด้วย (ผมใช้ Nokia Lumia ลองแล้วมันใช้ฟังได้อย่างเดียว พูดไปอีกฝ่ายไม่ได้ยิน)
อีกแบบก็เป็นสายยาวเหยียด 2.5 เมตร (ไม่มีไมค์และคอนโทรลทอร์ค) ทั้งคู่เป็นสายผ้าถักค่อนข้างหนา ตรงแจ๊คที่ต่อกับเครื่องเล่นหรือคอมพิวเตอร์จะเป็นแบบตัว L

  


แรกสัมผัสกับ Motorizer หูฟังรุ่นท้อปสุดของ Motörheadphönes
ซุ่มเสียงก่อนเบิร์นนั้น จะแห้งไปหน่อย เสียงแข็งไปนิด เสียงแหลมมากๆจะแตกเปรี๊ยะๆ เบสและเอฟเฟคกีต้าร์ไม่กระหึ่มเท่าไรนัก
เวทีเสียงปานกลาง แต่การแยกรายละเอียดของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นทำได้ดีมากครับ
ที่สำคัญฟังเพลงเดียวกันในรูปแบบ Flac กับ AAC ที่ความละเอียดสูงสุด ก็สามารถแยกออกได้ทันที!!
อีกทั้งทำให้รู้ว่าการบันทึกเสียงของไทยกับเมืองนอกต่างกันจริงๆ

  



หลังจากที่เผาแบบจริงๆจังๆมาประมาณเดือนนึง (ช่วงแรกๆนี่ทุกวันเลย ช่วงหลังๆไม่ค่อยมีเวลาเลยวันเว้นหลายวัน)
ด้วยไฟล์ Flac เป็นหลัก ผสมกับไฟล์ AAC 400 kpbs บ้างในบางช่วง

เวทีเสียงไม่กว้างไม่แคบ อยู่กลางๆ ประมาณเวทีเล็กๆใกล้ๆคนฟัง
แยกเสียงเครื่องดนตรีเสียงร้องชัดเจน เสียงกลางคมชัดฟังสนุก เสียงไม้กลองฟาดสแนร์ชัดเจนมาก
กระเดื่องกลองนี่นุ่มนวลหนักแน่น เหมือนผ้านิ่มๆที่ม้วนแน่นๆแล้วกระแทกหนักๆ
แต่ตำแหน่งการไล่ตีกลองแต่ละใบยังเป็นวงแคบๆไม่มีมิติมากนัก
เสียงเบสชัดเจน ไม่ไปกวนย่านอื่น ยิ่งเพลงที่บันทึกเสียงมาดีๆนี่เห็นภาพนิ้วที่ดีดสายเบสเลย
กีต้าร์แน่นสะใจ ลีดโซโล่จี๊ดจ๊าดกว่าตอนก่อนเบิร์น สรุปว่าเหมาะกับคอร็อคอย่างยิ่งยวด

ข้อสังเกตุ : แม้ว่าต่อตรงกับโน๊ตบุ๊คหรือสมาร์ทโฟน จะฟังได้ก็ตาม แต่ความรู้สึกคือยังไม่สุดเหมือนแสดงพลังออกมาไม่หมด
ลองต่อกับ Hifiman HM-101 DAC ที่ใช้ต่อกับคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊ค (ที่ผมมีอยู่ตัวเดียวนี่แหละ)
พบว่าเวทีเสียงกว้างขึ้น เสียงชัดเจนขึ้นทุกอณุ เหมือนกับว่าได้อัพเกรดขึ้นอีกขั้น สำแดงพลังออกมามากขึ้น
อาจเป็นเพราะตามสเป็คแล้ว Motörizer มีความต้านทานถึง 68 โอมห์


สิ่งที่อยู่ในกล่อง
ตัวหูฟัง, สายผ้าถักยาว 2.5 เมตร, สายผ้าถักแบบมีไมค์และคอนโทรลทอร์ค ยาว 1 เมตร, หัวแจ๊คแปลงขนาด 3.5 - 6.3 มม., ถุงผ้า, บัตรลงทะเบียนรับประกันสินค้า, คู่มือ


  

ข้อมูลวง Motörhead : http://imotorhead.com/
ภาพประกอบ ถ่ายด้วยตัวเองเป็นหลัก และหาจาก google บางส่วนครับ

วันอาทิตย์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2557

Steelseries Spectrum 4XB

Steelseries Spectrum 4XB

หูฟังสำหรับเกมเมอร์จากผู้ผลิต Gaming Gears ชื่อดังอย่าง Steelseries
Steelseries Spectrum 4XB เป็นหูฟังสำหรับเครื่องเกมคอนโซลอย่าง Xbox 360 แต่เนื่องจากผมไม่มี Xbox 360 จึงใช้วิธีต่อกับคอมพิวเตอร์โดยตรง ฮ่าๆๆ (แล้วซื้อมาทำไมฟะ อ๋อ ไม่ได้ซื้อ ได้มาฟรีน่ะ)


Spectrum 4XB
เป็นหูฟังแบบครอบทั้งใบหู แบบกึ่งเปิด (Semi-Open) เก็บและกันเสียงได้ระดับหนึ่ง Ear-Cup ทำจากกำมะหยี่ ใส่ได้นานไม่บีบศีรษะ
ก้านหูฟังที่คาดศีรษะมีฟองน้ำรองหุ้มด้วยผ้าถัก และสามารถปรับระดับได้ตามขนาดศีรษะของผู้ใช้งาน
มีไมโครโฟนอยู่ที่ตัวหูฟังด้านซ้ายมือ สามารถยืด-หดได้ตามใจชอบ




ต่อตรงกับช่อง Audio 3.5 mm. ของคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Sound on Board - Realtek ธรรมดาๆ
โทนเสียงกลางแหลมเด่นชัด มีสากเสี้ยนของ ส,ซ อยู่เยอะ
แม้จะเด่นด้านกลางแหลม แต่เสียงไม่ได้ใสเท่าไรนัก เบสพอมี แต่ไม่ชัดนัก ซาวน์ดนตรีก็ไม่แน่นเท่าที่ควร
เวทีเสียงกว้างพาประมาณ เสียงโอบล้อมทำได้ดี
สรุปว่า ออกแนวกลางแหลมที่ธรรมดาๆมาก เหมือนหูฟังตัวละไม่กี่ร้อย


แต่เดี๋ยวก่อน ประสิทธิภาพที่แท้จริงของ Steelseries Spectrum 4XB จะเปล่งประกายเมื่อรวมร่างกับ THE STEELSERIES AUDIOMIXER ที่เอาไว้ใช้ต่อกับ Xbox 360
(แม้จะไม่มี Xbox 360 แต่ก็ใช้ต่อกับคอมพิวเตอร์ได้)


เสียงเบสเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน(จนอาจจะบวมล้นไปสำหรับบางท่าน) เสียงกลางแหลมมีคุณภาพมากขึ้น - สากเสี้ยนของ ส,ซ หายไป - การแยกชิ้นดนตรีดีขึ้น - อิมแพคเพิ่มขึ้น - ซาวน์แน่นขึ้น - มิติของเสียงดีขึ้น
สรุปว่าใช้ AudioMixer แล้วฟังเพลงเพราะขึ้น ยกระดับอย่างเห็นได้ชัด

ในส่วนของการเล่นเกม จากที่ใช้เล่นเกม Point Blank สามารถระบุตำแหน่งของเสียงได้ชัดเจนว่าศัตรูอยู่ทางไหน, ยิงปืนอะไรจากทิศทางใด
แต่ถ้าเทียบกับ Creative Fatal1ty MkII ยังถือว่าด้อยกว่าอยู่บ้าง (อาจเป็นเพราะ Spectrum 4XB เป็นแบบ Semi-Open เกี่ยวมั้ย?)

สิ่งที่อยู่ในกล่อง
ตัวหูฟัง, AudioMixer ที่สายยาวเหยียด



ภาพประกอบจาก Google และ http://steelseries.com/products/consoles/steelseries-spectrum-4xb

วันอังคารที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2557

PEAK

คราวนี้ขอเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง จากที่รีวิวแต่หูฟังแต่ไม่รู้จะฟังอะไรดี
จึงขอแนะนำวงดนตรีในยุคปี 2000 ที่อยู่ค่ายไม่ใหญ่นักแต่ผลิตผลงานดีมีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
นั่นคือวง PEAK ครับ

PEAK

วงร็อคจากค่าย Music Bugs ที่มีสมาชิก 4 คน ประกอบด้วย [หลุน-ร้องนำ] [ชาย-กีตาร์] [เจ-เบส] [โจอี้-กลอง]
เหมือนจะธรรมดา เพราะวงร็อคทั่วไปก็มี กีค้าร์,เบส,กลอง แต่ที่ไม่ธรรมดาเพราะเสียงร้องอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์
ภาคดนตรีที่เดินเบสได้หนักแน่น, ไลน์กีต้าร์ที่ชัดเจน, กลองที่คุมจังหวะได้เป๊ะๆ ประกอบกับเนื้อหาที่โดนใจ
ทำให้ PEAK เป็นวงดนตรีติดอันดับในใจของผมครับ


สุดขอบ

อัลบั้มแรก ที่ออกมาให้สดับรับฟังกันเมื่อปี 1999 (2543)
มีเพลงฮิตติดหู ที่หลายๆคนอาจเคยได้ยินแต่ไม่ทราบว่าเป็นผลงานของวงนี้ นั่นคือ "2-1=0"


"บีบน้ำตา" เป็นอีกเพลงที่น่าจะเคยได้ยินได้ฟังกันบ้าง


ขอแนะนำเพลงเร็วอีกเพลงที่ผมชอบมากคือ "ใจแกว่ง"


"อย่าเกลียดผู้ชายคนนี้" เพลงช้าเพราะๆที่ไม่ค่อยดัง ขนาดผมเอาไปร้องหน้าห้องวิชาดนตรี (สมัยเรียนมหาวิทยาลัย) ยังไม่มีใครรู้จักเลย ฮ่าๆๆ



PEAK 2 Play

อัลบั้มที่สอง วางจำหน่ายในปี 2000 พอดี
มีเพลงที่เปิดในแม็คโคร โลตัส ด้วยล่ะ ซึ่งน่าจะเป็นเพลงเปิดตัวของอัลบั้มนี้ นั่นคือ "ภาษาคน" (เพลงนี้เดินเบสมันส์มาก)


"หลอกกันทำไม" กับ "เรื่องน้ำเน่า" ก็เป็นเพลงดังของอัลบั้มนี้



เพลงปิดท้ายของอัลบั้มนี้ ก็เป็นเพลงช้าเพราะๆที่ไม่ค่อยดังเช่นกัน (แต่ผมชอบนะ) "ครั้งหนึ่งในชีวิต"



Free อัลบั้ม Free

ในปี 2001 (2545) ได้มีการเปลี่ยนชื่อวงเป็น Free และเปลี่ยนเสื้อผมหน้าผม จากสไตล์ J-Rock เป็นแบบสบายๆ เพลงในอัลบั้มนี้ก็ฟังง่ายสบายๆ ตามชื่อวงใหม่ โดยมีเพลงฮิตติดปากติดหูทั่วบ้านทั่วเมือง "คนเดิม"



กับอีกเพลงที่ [ชาย] มือกีต้าร์ มาร้องนำเอง "คนรักสัตว์"



แนะนำอีกเพลง ที่ออกย้อนยุคสักหน่อย นั่นคือ "เศษแก้ว"



PEAK - One For All

เวลาผ่านไป สมาชิกวงบางคนได้ประกอบธุรกิจส่วนตัว ทำให้มีการเปลี่ยนตัว 2 คน คือ [แอ๊ป-ร้องนำ] [แดร๊งค์-กลอง]
ดนตรีเมื่อฟังแล้วยังเป็นสไตล์ PEAK เช่นเดิม แต่ด้วยการเปลี่ยนนักร้องทำให้ต้องปรับในบางส่วน รวมถึงเสียงที่ไม่เหมือน [หลุน] นักร้องคนเดิม ทำให้ความดังของอัลบั้มนี้ลดลง
มีเพลงเปิดอัลบั้มคือ "โอกาส"


"คนละคน" เพลงนึงในอัลบั้มนี้ที่ไม่แน่ใจว่าจะแฝงความหมายถึงเรื่องการเปลี่ยนสมาชิกวงด้วยหรือเปล่า


ต่อด้วย "ความพยายาม" เป็นทั้งกำลังใจให้วง PEAK และผู้ฟัง


ก็จบลงแล้วสำหรับการแนะนำวงดนตรีที่ชอบวงแรกคือ PEAK จากค่าย Music Bugs ครับ
คาดว่าวงนี้น่าจะไม่ได้มีผลงานใหม่ๆอีกแล้ว แต่แฟนๆก็ยังอยากให้กลับมารวมตัวกันอีกอยู่ดี (ผมด้วยล่ะคนนึง)

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม (ที่มีไม่เยอะ) ของวง PEAK ได้ที่
https://www.facebook.com/pages/Peak-Free/221144654580841?sk=info#!/pages/Peak-Free/221144654580841?sk=info
http://www.guitarsiam.com/webboard/index.php?topic=13319.0
MV อัลบั้ม One For All
http://www.youtube.com/playlist?list=PLF503A63B889FA693
รูปประกอบ และตัวอย่างเพลง หาจาก Google & YouTube อาจไม่ชัดเท่าไร ขออภัยด้วยครับ